พุทธศาสนากับนิเทศศาสตร์
ร.ศ.
บำรุง สุขพรรณ์
๑๘ กันยายน
๒๕๔๗
พระพุทธศาสนากับนิเทศศาสตร์
พระพุทธศาสนากับนิเทศศาสตร์
มีความเกี่ยวพันกันเหมือนมือที่เราใช้ทำหน้าที่ในแต่ละนิ้ว
นิเทศศาสตร์ (COMMUNICATION
ART)
นิเทศศาสตร์ COMMUNICATION แปลว่า การติดต่อ การสื่อสาร ข่าวที่ส่ง (รับ)
“นิเทศศาสตร์” กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เป็นผู้บัญญัติคำขึ้น
เป็นความหมายเดียวกับ “วารสารศาสตร์และสื่อมวลชน”
การสื่อสาร “COMMUNICATION” เป็นการส่งข้อมูลข่าวสารไปยังผู้รับ การสื่อสารจำเป็นต้องให้รู้เรื่อง มีผู้พูด-ผู้ฟัง การพูดต้องมีคนฟัง
ข่าวสาร เป็นปัจจัยสำคัญใช้ในการประกอบการตัดสินใจในกิจกรรมของมนุษย์ ความต้องการข่าวสารจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อบุคคลนั้นต้องการข้อมูลในการตัดสินใจ
บุคคลจะไม่รับข่าวสารทุกอย่างที่ผ่านมาสู่ตนทั้งหมด แต่จะรับรู้เพียงบางส่วน ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเอง แรงผลักดันที่ทำให้บุคคล เลือกรับสื่อนั้น จะมีความแตกต่างกันตามคุณสมบัติพื้นฐานของบุคคล
หลักการสื่อสารที่ทำให้สัมฤทธิ์ผล
หลักการสื่อสารที่ทำให้สัมฤทธิ์ผลนั้น ประกอบด้วย
ผู้ส่งสาร สารช่องทาง ผู้รับ
SOURCE MESSAGE CHANNEL RECIEVER
S M C R
ในส่วนพุทธศาสนามี
๓ ส่วน คือ พระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ คือพระรัตนตรัย
พระพุทธ
MESSAGE
พระธรรม
พระสงฆ์
SENDER = ผู้เผยแผ่
ผู้ส่งกับผู้รับ ต้องมีความเข้าใจเท่า ๆ กัน
มีข้อสังเกต ๕
ประการ
๑. มีประสบการณ์ที่เหมือนกัน COMMUNICATION SKILL
๒. KNOWLEDGE
ความรู้ ถ้าเราเป็นคนที่เก่งกว่าให้ปรับความรู้ของเราลงให้เท่ากับผู้ฟัง คือพูดให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย
๓. ATTITUDE ทัศนคติ ความชอบหรือไม่ชอบอะไร
๔. SOCIAL
SYSTEM สังคมประเพณี รูปแบบเป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจ ยกตัวอย่าง
เช่น การสมานลักษณ์ ระหว่างคนไทยกับคนจีน ต้องรู้จักสังคมประเพณีของเขา ไม่เช่นนั้นจะขาดการสื่อสารที่ดี
- ราชวงศ์ ROYAL
ห้ามพูดเล่น
เพลงชาติ ธงชาติ
ห้ามเอามาเล่นอ่านข่าวพระราชวงศ์ต้องเรียงลำดับ ความสำคัญก่อนหลัง
- RELIGIONS เรื่องศาสนาห้ามพูดเล่น ห้ามเปรียบเทียบ
- RACE ผิวพรรณ วรรณะ เกิดความขัดแย้ง
เช่น ผิวดำ – ขาว มีกลุ่ม,มีพวกมีพรรค,ภาค
- RUMOUR ข่าวลือ ข่าวใดที่ไม่มีหลักฐานแน่นอน อย่าพูดต่อ
ต้องคิดก่อนแล้วพูด
๕. CULTURE วัฒนธรรม การไหว้เป็นศิลป เป็นวัฒนธรรมไทย คนไทยมีวัฒนธรรมที่ดี เช่น สวัสดี ยิ้ม ไหว้ ทักทาย ขอบคุณ
เราต้องเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน ต้องเลือกงานให้เหมาะสมกับคน
เพราะคนมีความแตกต่าง
แนวคิดเกี่ยวกับสื่อที่ใช้ในการสื่อสาร
สื่อนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการสื่อสาร
เพื่อที่จะนำหรือถ่ายทอดสิ่งที่เรียนว่าสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสารเพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ เช่นทำให้ผู้รับสารเกิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ ทัศนคติ
พฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมไปในทางที่ดีขึ้น
ช่องทางการสื่อสารหรือสิ่งที่ใช้นั้นประกอบไปด้วย การสื่อสารมวลชน
ซึ่งเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงประชาชนกลุ่มใหญ่ได้รวดเร็วที่สุด สื่อบุคคล
เป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพในการโน้มน้าวใจได้ดีที่สุด สื่อเฉพาะกิจ
ซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
เฉพาะเจาะจง
สื่อมวลชน
หมายถึง
สื่อที่ส่งสารสามารถส่งข่าวสารไปยังผู้รับสาร
ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมากไม่สามารถจำกัดจำนวน และอยู่ในที่ต่างๆ
กันอย่างกระจัดกระจายได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ประกอบด้วยสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กโทรนิคส์ คือ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
สื่อบุคคล
คือการสื่อสารที่ประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ทำการสื่อสารในลักษณะตัวต่อตัว คือทั้งฝ่ายผู้ส่งสารและผู้รับสาร สามารถติดต่อแลกเปลี่ยนสารกันได้โดยตรง
สื่อบุคคลมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวหรือชักจูงให้บุคคลเปลี่ยนความรู้
ทัศนคติ และพฤติกรรม
ซึ่งต่างจากสื่อมวลชนที่มีบทมา
สำคัญอยู่ที่การให้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ แก่มวลชน
สื่อเฉพาะกิจ
เป็นสื่อที่สร้างขึ้น หรือซื้อ
หรือเช่า
โดยองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพื่อใช้ในการสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์องค์กรนั้นโดยเฉพาะ
โดยทั่วไปจะมีกลุ่มประชาชนที่เป็นเป้าหมายแน่นอน มีการส่งเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ เฉพาะกลุ่มๆนั้น
รูปแบบของสื่อเฉพาะกิจได้แก่ จุลสาร แผ่นพับ
โปสเตอร์ ใบปลิว จดหมายข่าว คู่มือ นิทรรศการเป็นต้น
การสื่อสารของมนุษย์ ต้องได้ ๑๐๐% ดังนี้
มองเห็น ๘๓%
ทุกครั้งที่ท่านแต่งกาย
ต้องมีส่วนให้ถูกมองเห็นในทางที่ดีถูกกฎ ถูกกฏระเบียบ สง่า ภูมิฐาน
ต้องคำนึงถึงผู้ที่มองเห็นเรา
ได้ยิน ๑๑%
ได้กลิ่น ๓%
ได้กลิ่น ๓%
ได้กลิ่น ๐.๑%
ความสัมพันธ์ระหว่าง นิเทศศาสตร์
กับพุทธศาสตร์ เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้
S M C R
พระพุทธเจ้า SOURCE
พระธรรม MESSAGE
ช่องทาง
วิธีการ CHANNEL
พระสงฆ์ RECIEVER
ปัจจุบัน
ประกาศธรรมให้ประชาชน
SENDER M C
บทบาทของ SENDER ควรมีลักษณะ ๕ ประการ
๑. ต้องเป็นคนที่รอบรู้
๒. รู้รอบ รู้ให้มาก เป็นประโยชน์ในการทำงาน
๓. รอบคอบ การเขียน
การพูดต้องให้ถูกต้อง บางคำที่ไม่แน่ใจ
ไม่พูด
๔. รวดเร็ว ทำงานให้รวดเร็ว
๕. รู้จักสามัคคี
การเผยแผ่ธรรมะ
หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าได้เสวยความสุขที่เกิดจากความหลุดพ้นจากกิเลส
เป็นเวลา ๔๙ วัน
พระองค์ได้เสด็จไปที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันได้ทรงแสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์
จนพราหมณ์โกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมและได้ขอบวชการที่พราหมณ์โกญฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนท่านอื่นนั้นย่อมแสดงให้เห็นถึง
คนรับสารมีความแตกต่างกัน
พระพุทธองค์ทรงใช้การสื่อสารหลายรูปแบบ
เพราะพระองค์ทรงรู้ธรรมชาติของคน(ดอกบัวสี่เหล่า) พระพุทธเจ้าเป็นผู้ฉลาดรู้จักในการใช้คน
เพราะความสามารถของบุคคลแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในการเผยแพร่ธรรมต้องอาศัย
สื่อ (MEDIA)
- สื่อบุคคล
- สื่อสิ่งพิมพ์
(เย็น) สื่อช้า
- สื่อไฟฟ้า
(ร้อน) วิทยุ โทรทัศน์
- สื่อมวลชน มี หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์
สื่อที่ดีที่สุด
คือ สื่อบุคคล
สื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยแต่ไม่ใช่เป็นตัวหลัก บุคคลเท่านั้นที่เป็นตัวหลัก
การเทศน์สมัยใหม่ มี
๔ ขั้นตอน
๑.
เตรียมให้พร้อม
๒.
ซ้อมให้ดี
๓.
อักระวิธี
๔.
ลีลาการเทศน์
ทุกครั้งที่ทำการเทศน์ ให้พูดเกี่ยวกับเรื่องความดีงาม เรื่องของสวรรค์ห้ามเทศน์เรื่องนรก
เพราะสิ่งที่มนุษย์ต้องการคือสิ่งที่มนุษย์ไม่มีและอยากได้การทำให้มีความสุขขึ้น ดีขึ้น
รวยขึ้น
วัดธรรมกายใช้นโยบายในการเทศน์แนวนี้
ภาษาที่เทศน์
๑. ชัดเจน แจ่มแจ้ง ถ้าไม่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ควรขยายให้เข้าใจง่ายการพูดซับซ้อน เป็นอันตรายต้องหลีกเลี่ยง
คำปฏิเสธซ้อนปฏิเสธไม่ควรใช้เพราะประสิทธิภาพของการฟังมี ๑๑ % เท่านั้น
๒. วันเวลา ต้องพูดให้เต็ม ห้ามใช้คำย่อ
๓. คำเฉพาะ
ต้องอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง
พูดให้ถูกต้อง
๔. คำราชาศัพท์ ต้องศึกษาให้ดี อย่าให้ผิด
๕. ภาษาถิ่น
ถ้าไม่แน่ใจให้หลีกเลี่ยง
“ฝึกอ่าน
ฝึกพูด”
I M C = นิเทศศาสตร์มีประโยชน์ในการตลาด
INDICATION
MARKET
COMMUNICATION
นิเทศศาสตร์ มีประโยชน์ในการตลาด
๑.
ทำสิ่งแปลก ๆ
๒.
หาความใหม่
๓.
หาความใหญ่
๔.
หาความดัง
หลักการประชาสัมพันธ์เชิงพุทธ
การประชาสัมพันธ์เชิงพุทธนั้น
มุ่งเน้นที่การเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยในสมัยพุทธกาลนั้น พระเจ้าเองเป็นผู้สื่อสารหลักธรรมต่าง ๆ ไปสู่เหล่าพุทธบริษัท
เป็นการชี้ผิดบอกถูกให้ผู้ฟังที่เลื่อมใสนำไปปฏิบัติตามจนเกิดความศรัทธาในพระพุทธ
พระธรรม และพระสงฆ์
เนื่องจากรู้แจ้งเห็นจริงในผลที่ได้จากการปฏิบัตินั้น
ซึ่งส่งผลให้มีผู้สืบทอดพระพุทธศาสนามากขึ้นและส่งผลต่อความเจริญทางจิตใจของกลุ่มชนในสังคมมากขึ้น
ในยุคปัจจุบัน ผู้ส่งสาร
คือพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามหลักธรรมคำสอน ซึ่งนอกจากจะมีความรู้ในพระพุทธธรรมอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็ต้องติดตามเหตุการณ์ให้ทันข่าว ทันโลก
ทันสมัย เพื่อไม่ให้มีประสบการณ์และความรู้ที่ต่างไปจากผู้รับสาร คือ
พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันส่วนข้อมูลหรือข่าวสารทางพระพุทธศาสนา คือ พระธรรมนั้น
มีเนื้อหาสาระที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้เวลาจะล่วงไปสองพันกว่าปีแล้วก็ตาม เนื่องจากเป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้
และนำมาบอกแก่บุคคลทั้งหลายโดยไม่หวังประโยชน์ใด ๆ เป็นการตอบแทน
นับว่าพระองค์มีพระคุณที่เพียบพร้อมด้วยพระปัญญาคุณ พระมหากรุณาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ เป็นที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น