พระพุทธศาสนากับนิเวศวิทยา
พระมหาเจิม สุวโจ
๑๙ มิถุนายน
๒๕๔๗
1.
แนวคิดพื้นฐานกับศาสตร์สมัยใหม่
2.
นิเวศวิทยาแนวตะวันตก
3.
นิเวศวิทยาแนวตะวันออก
4.
กรณีประเทศไทยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
ภูมิหลัง : ศาสตร์สมัยใหม่
ยุคเริ่มต้น ก่อนศาสตร์สมัยใหม่
§
ช่วงก่อนกระบวนทัศน์กระแสหลัก
มองแบบเทวดานิยม : ตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของพระเจ้าหรือเคารพธรรมชาติ
มิติด้านอภิปรัชญา : แสวงหาความจริง แสวงหาพื้นฐานของตนเอง
สิ่งทั้งหลายล้วนดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ทางกลศาสตร์ที่แน่นอนตายตัว ซึ่งอธิบายได้ด้วย การนิรนัย(เช่นคณิตศาสตร์) และการอุปนัย(การทดลอง)
ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
มิติญาณวิทยา : ทุกสิ่งทุกอย่างอธิบายได้โดยการแบ่งแยกออกเป็นส่วน
ๆ
มิติจริยธรรม : มองคุณค่าให้ความสำคัญเหตุผล
จิต วิญญาณ มากกว่าร่างกาย เป้า
หมายสูงสุดของมนุษย์คือมองตามกฎหลักศีลธรรมยุคศาสตร์สมัยใหม่
แนวคิดมนุษย์นิยม
: มนุษย์ไม่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า โดยเชื่อว่ามนุษย์มีเจตจำนงเสรี
มีสติปัญญาและเหตุผลในการคิดและการกระทำต่อตนเองและธรรมชาติ ตลอดจนสามารถจัดการหรือควบคุมมันได้
แนวคิดทุนนิยม : เป็นรากฐานลักธิปัจเจกนิยม
:
จอห์น ล็อก (JOHN LOCKE:1632-1704) เชื่อว่ามนุษย์มีความเสมอภาคกันในลักธิ
๓ ประการ คือ สิทธิในชีวิต
สิทธิในอิสรภาพ และสิทธิในทรัพย์ มีเสรีภาพอันสมบูรณ์มาแต่กำเนิด
: อดัม สมิธ (ADAM SMITH:1723-1790) มีความเห็นเพิ่มเติมว่าปัจเจกชนมีสิทธิที่จะแสวงหา ถือกรรมสิทธิ์และปกป้องสมบัติของตนเอง
แนวคิดประโยชน์นิยม
: ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาแนวอัตนิยม
(Egoism)
: ทอมัส ฮอบส์ (THOMAS HOBBES:1588-1679) เชื่อว่ามนุษย์ย่อมกระทำสิ่งต่าง
ๆ เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือเห็นแก่ตัวทั้งหลาย
: ชาร์ลส์ ดาร์วิน
เชื่อว่าการแข่งขันหมายถึงความก้าวหน้าในสังคมเช่นเดียวกับการต่อสู้ระหว่างสิ่งมีชีวิต
โดยมีการปรับตัวและเกิดพันธุ์ใหม่ซึ่งมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ดาร์วินเปรียบวิถีชีวิตของนายทุนกับกรรมกรว่า เป็นการต่อสู้ระหว่างสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นทฤษฎีของดาร์วินได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักทฤษฎีสังคมและลัทธินายทุน
สิ่งแวดล้อมนิยม (ENVIRONMENTALISM)
มีรากฐานความคิดอยู่บนกระบวนทัศน์การพัฒนากระแสหลัก ดังนั้นจึงมีลักษณะเด่น คือ
การยึดเอาเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหานิเวศนิยม
มีลักษณะตรงข้ามกับแนวคิดสิ่งแวดล้อมนิยม
แนวคิดนิเวศนิยมมีแกนกลางอยู่ที่การยึดเอาระบบนิเวศเป็นศูนย์กลางหรือนิเวศประมาณนิยมของความคิดและการปฏิบัติ
โลกทัศน์สิ่งแวดล้อมใหม่(นิเวศนิยม)
|
โลกทัศน์สังคมกระแสหลัก(สิ่งแวดล้อมนิยม)
|
๑.
ประเมินค่าสูงต่อธรรมชาติ
o
รักธรรมชาติ
o
มีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
o
การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสำคัญกว่าความเจริญทางเศรษฐกิจ
|
๑.
ประเมินค่าต่ำต่อธรรมชาติ
o
ธรรมชาติคือทรัพยากรสำหรับผลิตสินค้า
o
มนุษย์ครอบงำธรรมชาติ
ความเจริญทางเศรษฐกิจสำคัญกว่า สิ่งแวดล้อม
|
๒.
ความรักและห่วงใยต่อจักรวาล
o
ต่อสรรพสัตว์ทั่วโลก
o
ต่อเพื่อนมนุษย์
o
ต่อคนรุ่นหลังในอนาคต
|
๒.
ความรักแบบคับแคบ
o
สิ่งมีชีวิตมีไว้เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์
o
ไม่สนใจเพื่อนมนุษย์
ห่วงใยเฉพาะคนรุ่นปัจจุบัน
|
๓. วางแผนอย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
o
วิทยาการและเทคโนโลยีมีปัญหา
o
หยุดยั้งการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์
o
พัฒนาและใช้เทคโนโลยีแบบอ่อนโยน
รัฐควบคุมและคุ้มครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
|
๓.
พร้อมรับความเสี่ยงเพื่อความเจริญสูงสุด
o
วิทยาการและเทคโนโลยีมีประโยชน์สำหรับมนุษย์
o
พัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ต่อไป
o
ใช้เทคโนโลยีแบบแข็ง
ใช้กลไกตลาด
|
๔.
ขีดจำกัดความเจริญ
o
ทรัพยากรขาดแคลน
o
ประชากรขยายตัวสร้างขีดจำกัด
o
เน้นการอนุรักษ์
|
๔. ความเจริญไร้ขีดจำกัด
o
ไม่มีความขาดแคลนทางทรัพยากร
o
ประชากรไม่ใช่ปัญหา
o
เน้นการผลิตและการบริโภค
|
ตารางแสดงโลกทัศน์ที่แตกต่างกันระหว่างโลกทัศน์สิ่งแวดล้อมใหม่(นิเวศนิยม) กับ โลกทัศน์สังคมกระแสหลัก (สิ่งแวดล้อมนิยม)
โลกทัศน์สิ่งแวดล้อมใหม่(นิเวศนิยม)
|
โลกทัศน์สังคมกระแสหลัก(สิ่งแวดล้อมนิยม)
|
๕.
สร้างสังคมใหม่
o
มนุษย์ต้องเลิกทำลายธรรมชาติ
o
เปิดกว้างและมีส่วนร่วม
o
เน้นการบริการสาธารณะโดยรัฐ
o
ความร่วมมือ
o
อยู่เหนือวัตถุนิยม
o
วิถีชีวิตเรียบง่าย
o
ความพึงพอใจต่องานและผลงาน
|
๕. สังคมปัจจุบันดีอยู่แล้ว
o
มนุษย์ไม่เคยทำลายธรรมชาติ
o
ระบบชนชั้นและประสิทธิภาพ
o
เน้นกลไกตลาด
o
การแข่งขัน
o
วัตถุนิยม
o
วิถีชีวิตสลับซับซ้อนและฟุ่มเฟื่อย
o
การทำงานเพื่อสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ
|
๖.
การเมืองใหม่
o
คิดร่วมกันและมีส่วนร่วม
o
การเมืองเรื่องสิ่งแวดล้อม
o
ใช้การปฏิบัติการโดยตรง
o
วางแผนล่วงหน้ายาวไกล
|
๖. การเมืองเก่า
o
ระบบผู้เชี่ยวชาญ
o
การเมืองเรืองธุรกิจ
o
ใช้ช่องทางแบบเก่า
o
ใช้กลไกตลาด
|
ทษฎีนิเวศวิทยาแนวลึก (Deep Ecology)
ภูมิหลังของแนวคิด
การเปลี่ยนแปลงสังคมให้ไปสู่แนวนิเวศวิทยา ต้องเริ่มที่การเปลี่ยนแปลงปรัชญาการมองโลกเสียก่อนนิเวศวิทยาแนวลึกหรือการบุกเบิกไปสู่มิติใหม่ของการมองโลกและสิ่งแวดล้อม
คำว่า นิเวศวิทยาแนวลึก ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดยนักปรัชญาขาวนอร์เวย์
ชื่อ อาร์เนส แนส (ARNE NAESS,1912) ท่านอธิบายถึงเรื่องของจิตวิญญาณที่มีอยู่ในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วไปโดยเริ่มยกตัวอย่างงานเขียนของ
ดัล โด ลีโอ โพลด์ (ALDO LEOPOLD)
และราเชล คาร์สัน (RACHEL CARSON) ที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับหรือเรียกร้องสิทธิของสิ่งแวดล้อม
ส่วนนิเวศวิทยาแนวลึกนี้ เป็นการเคลื่อนไหวระยะยาวที่มีเป้าหมาย เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวคิดทางสังคมทั้งระบบอย่างถอนรากถอนโคนมากกว่าที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นครั้งคราวเกี่ยวกับบางเรื่องบางส่วน เช่น
ปัญหามลภาวะ การทำลายป่าไม้ เป็นต้น
(ต่างจากแนวคิดนิเวศทั่วไปที่มุ่งส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมที่ปรากฏขึ้นเฉพาะด้าน)
แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับคุณค่าทางจริยธรรมต่อสิ่งแวดล้อม
เป็นความพยายามที่จะนำเอาความเข้าใจหรือความเชื่อทางด้านศาสนา
และแนวคิดทางด้านปรัชญาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ความหายนะ
แนวคิดนิเวศวิทยาแนวลึก
ได้แสดงทัศนะว่าสิ่งแวดล้อมมีคุณค่าเช่นเดียวกับมนุษย์ไม่ควรทำลายสิ่งแวดล้อมเพราะสิ่งแวดล้อมมีสิทธิที่จะดำรงชีวิตเหมือนกัน
ตารางเปรียบเทียบความคลายคลึงกันในประเด็นแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับคุณค่าทางจริยธรรมต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างทฤษฎีที่ยึดชีวิตเป็นจุดศูนย์กลางและทฤษฎีนิเวศแนวลึกกับพระพุทธศาสนาเถรวาท
ทฤษฎีที่ยึดชีวิตเป็นจุดศูนย์กลาง
|
ทฤษฎีนิเวศวิทยาแนวลึก
|
พระพุทธศาสนาเถรวาท
|
๑. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในตัว
|
๑. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในตัว
|
๑. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในตัว
|
๒. ไม่มีความแตกต่างเกี่ยวกับคุณค่าทางจริยธรรม
ในเรื่องชีวิต
ระหว่างมนุษย์
พืชและสัตว์
|
๒. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าและมีความเท่าเทียมกันกับมนุษย์เพราะเป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ในโลกนี้เหมือนกัน
|
๒. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในด้านความเสมอภาคกับสรรพสิ่งรวมทั้งมนุษย์ภายใต้กฎไตรลักษณ์
|
๓. มนุษย์ต้องให้ความเคารพต่อชีวิตซึ่งเป็นคุณค่าที่ไม่ต้องรอการกำหนดจากผู้ใด
|
๓. มนุษย์ไม่อาจวัดคุณค่าของสิ่งแวดล้อมด้วยเกณฑ์ทางธุรกิจหรือไม่อาจหาเหตุผลเรื่องประโยชน์ที่มีต่อมนุษย์
|
๓. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในตัวเองไม่มีผู้ใดเป็นผู้กำหนดคุณค่าให้
|
ตารางเปรียบเทียบความคลายคลึงกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระหว่างทฤษฎีที่ยึดชีวิตเป็นจุดศูนย์กลางและทฤษฎีนิเวศแนวลึกกับพระพุทธศาสนาเถรวาท
ทฤษฎีที่ยึดชีวิตเป็นจุดศูนย์กลาง
|
ทฤษฎีนิเวศวิทยาแนวลึก
|
พระพุทธศาสนาเถรวาท
|
๑. อนุรักษ์เพื่อให้สิ่งแวดล้อมได้คงอยู่ต่อไป
|
๑. เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
|
๑. อนุรักษ์เพื่อให้สิ่งแวดล้อมได้คงอยู่ต่อไป
|
๒. อนุรักษ์โดยยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
|
๒. อนุรักษ์แบบไม่ต้องมีการพัฒนาจึงคัดค้านการกระทำทุกอย่างที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
|
๒. ส่งเสริมการใช้สิ่งแวดล้อมอย่างทะนุถนอม สันโดษและให้เกิดคุณค่ามากที่สุด
|
๓. เรียกร้องให้มนุษย์เคารพในชีวิตของสิ่งอื่น
เช่น ไม่เห็นด้วยกับการใช้สัตว์ทดลองทางวิทยาศาสตร์
|
๓. พยายามเข้าไปมีบทบาททางการเมืองเพื่อกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและก่อตั้งองค์กรต่าง
ๆ เพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
|
๓. มีกฏเกณฑ์และหลักคำสอนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน
|
o
ความจริงแนวตะวันตก คือ
เส้นตรง
ความจริงแนวตะวันออก คือ
วงกลม
o
นิเวศวิทยาตะวันตก คือ มองเชิง ชาร์ลส ดาร์วิน
นิเวศวิทยาตะวันออก
คือ มองทุกสิ่งสัมพันธ์กันหมด
เปรียบเทียบความแตกต่างกันในประเด็นแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับคุณค่า
ทางจริยธรรมต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างทฤษฎีที่ยึดมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางกับพระพุทธศาสนา
ทฤษฎีที่ยึดมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง
|
พระพุทธศาสนาเถรวาท
|
๑. สิ่งแวดล้อมไม่มีคุณค่าในตัว
|
๑. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในตัว
|
๒. สิ่งแวดล้อมไม่มีคุณค่าใด
ๆ เสมอกันกับมนุษย์
|
๒. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในด้านความเสมอภาคกับสรรพสิ่งรวมทั้งมนุษย์ภายใต้กฎไตรลักษณ์
|
๓. มนุษย์เป็นผู้กำหนดคุณค่าให้สิ่งแวดล้อม
|
๓. สิ่งแวดล้อมมีคุณค่าในตัวเองไม่มีผู้ใดเป็นผู้กำหนดคุณค่าให้
|
เปรียบเทียบความแตกต่างกันในประเด็นท่าทีของแนวคิดต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างทฤษฎีที่ยึดมนุษย์
เป็นจุดศูนย์กลางกับพระพุทธศาสนา
ทฤษฎีที่ยึดมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง
|
พระพุทธศาสนาเถรวาท
|
๑. มนุษย์แปลกแยกจากสิ่งแวดล้อม
|
๑. มนุษย์ไม่มีความแปลกแยกจากสิ่งแวดล้อม
|
๒. มนุษย์มีสถานะสูงกว่าสิ่งแวดล้อม
|
๒. มนุษย์มีสถานะเป็นเพื่อนร่วมกฎธรรมชาติ (ไตรลักษณ์)
|
๓. มนุษย์มีสิทธิควบคุมจัดการกับสิ่งแวดล้อมตามความปรารถนา
|
๓. สิ่งแวดล้อมมีคุณประโยชน์ต่อมนุษย์
ดังนั้นมนุษย์ต้องใช้สิ่งแวดล้อมอย่างทะนุถนอมและสันโดษด้วยสติปัญญา
|
สรุป
การแก้ปัญหาในหัวข้อนี้ ควรแก้ไขอย่างพระพุทธศาสนา
คือมีหลักการควบคู่กับปัญญาจุดเด่นของประเทศไทยคือ ไม่สุดโด่ง
ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ไม่มีโลกทัศน์สังคมกระแสหลักหรือในตำรา เป็นแนวคิดทฤษฎีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(รัชกาลที่ ๙)
o
ใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธศาสนามากลมกลืน
o
เป็นแนวคิดไปทางสันโดษไม่อิงปรัชญาหรือศาสตร์ตะวันตก
ขณะนี้ศาสตร์ตะวันตกหรือภูมิปัญญาตะวันตก กำลังตกต่ำหรือหมดไปแล้วใน
แนวคิดแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเป็นอิทธิพลของภูมิปัญญาตะวันออกมาแทนที่ โดยระบบบูรณาการตะวันออกซึ่งนำมาใช้กับระบบโลก
ปัญหาภูมิปัญญาตะวันออก
๑.
ไม่เป็นระบบ
๒.
เทคโนโลยี ความทันสมัยยังเป็นที่ยอมรับอยู่
๓.
แนวทางปฏิบัติเชิงสากล หรือเป็นรูปธรรมเชิงสากล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น